ข่าวทั่วไป หน้าแรก

Indian and Chinese ตลาดหุ้นจะเติบโตสี่เท่าภายในปี 2050

Indian and Chinese ตลาดหุ้นจะเติบโตสี่เท่าภายในปี 2050 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของอินเดียและจีนอาจเพิ่มขึ้นสี่เท่าภายในปี 2050 เนื่องจากเอเชียเปลี่ยนจาก ”ผู้นำที่ล้าหลัง” ในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามคำกล่าวของ Stephen Bird ซีอีโอของ Abrdn

ในจดหมายของ CNBC ที่ฉลองครบรอบ 30 ปีของการเปิดสำนักงานในเอเชียแห่งแรกของบริษัทการลงทุนของอังกฤษในสิงคโปร์ Bird ยกย่องการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งได้เห็นผู้คนมากกว่าหนึ่งพันล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน

นอกจากนี้ เขายังตั้งข้อสังเกตอีกว่าส่วนแบ่งของเศรษฐกิจโลกในภูมิภาคนั้นมากกว่าช่วงวิกฤตการเงินเอเชียปี 1997 ถึงแปดเท่า ตลาดทุนก็มีวิวัฒนาการเช่นกัน และภูมิภาคนี้ได้เปลี่ยนจากการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักลงทุนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ มาเป็นตลาดที่นักลงทุนในท้องถิ่นครองตลาด เบิร์ดกล่าว

Indian and Chinese ตลาดหุ้นจะเติบโตสี่เท่าภายในปี 2050 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของอินเดียและจีนอาจเพิ่มขึ้นสี่เท่าภายในปี 2050

Indian and Chinese มีวิวัฒนาการ

เขาเสริมว่า “30 ปีข้างหน้าดูเหมือนจะน่าตื่นเต้นเหมือนครั้งสุดท้าย” และนักลงทุนแนะนำยังคงสงบในช่วงที่มีความผันผวน โดยคอย “จับตาดูเกมระยะยาว” หุ้นจีนต้องเผชิญกับปีแห่งความช้ำ เนื่องจากกลยุทธ์ ”ปลอดโควิด” ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ยับยั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจและก่อให้เกิดปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานที่ส่งผลกระทบไปทั่วตลาดโลก

นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachsเมื่อเร็ว ๆ นี้กล่าวว่าพวกเขา″เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์”และ Bird สนับสนุนมุมมองระยะยาวว่าหุ้นในเอเชียสามารถเปลี่ยนจาก ”ผู้ล้าหลังไปสู่ผู้นำ” ได้ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและบทบาทของพวกเขาในการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศ วิกฤติ

จีนและอินเดียคาดว่าจะกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่และใหญ่เป็นอันดับสามของโลกตามลำดับในทศวรรษหน้า ในขณะที่ผู้บริโภคของพวกเขาจะกำหนดรสนิยมและแนวโน้มทั่วโลกมากขึ้น การใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ของตลาดทุนของพวกเขาอาจเพิ่มขึ้นสี่เท่าหรือมากกว่านั้นภายในปี 2050 Bird คาดการณ์

ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคก็นำเสนอโอกาสที่น่าตื่นเต้นเช่นกัน บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และเวียดนามมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในโลก ในขณะที่ประชากรสูงอายุของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้สร้างเงินออมจำนวนมากซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการให้ดีขึ้น และในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลกที่เปิดกว้างที่สุดในภูมิภาค สิงคโปร์จะเป็นหัวใจของทุกสิ่ง

o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o

เรียบเรียงข่าวสารโดย : gclub casino